รีวิว คาเฟ่ JEDI Café & Bar คาเฟ่ริมน้ำสไตล์ไทยร่วมสมัย
รีวิว คาเฟ่ JEDI Café & Bar คาเฟ่ริมน้ำสไตล์ไทยร่วมสมัย หากพูดถึงความเป็นไทยในสมัยนี้หลายคนอาจรู้สึกว่านี่คือประเทศไทย จะมองไปทางไหนก็คงมีแต่อะไรไทย ๆ แต่เราหลาย ๆ คนอาจลืมไปว่าความเป็นไทยก็เลือนหายไปตามกาลเวลา ด้วยเทรนด์จากประเทศต่าง ๆ เข้ามามีอิทธิพลทำให้ไทยแท้ ๆ หาค่อนข้างยากแล้ว
แต่สิ่งที่ทางเราได้บังเอิญเจอมาและรู้สึกว่ามีเสน่ห์ มีศิลปะ ดึงดูดให้เรารู้สึกว่าจะต้องไปที่นั่นบวกกับนำมาแนะนำคุณในวันนี้ แต่ก่อนอื่นเราขอพูดเรื่องเอกลักษณ์ของไทย คือการสร้างวิถีชีวิตมากับแม่น้ำ ลำคลอง สถานที่แห่งนี้ก็อยู่ติดริมน้ำเช่นกัน
JEDI Café & Bar
JEDI Café & Bar หรือ เจดีย์ ในชื่อที่หลาย ๆ คนรู้จัก ตัวร้านเขาโดดเด่นด้วยการเป็นสไตล์ไทยร่วมสมัย ตัวร้านไม่ได้ดูเก่าแก่อย่างที่คิดแต่เป็นการผสมผสานศิลปะไทยเข้ากับสถาปัตยกรรมปัจจุบัน และมีการรีโนเวทตัวร้านจากตึกแถวสู่คาเฟ่แห่งนี้ ทำให้ตัวร้านออกมาในรูปแบบของตัวตึกสีขาว และเน้นการใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ ที่เป็นของขึ้นชื่อในย่านนี้ จะว่าไปก็มีความมินิมอลเพราะถูกคุมโทนด้วยสีเพียงไม่กี่สี แต่เสน่ห์ของที่นี่ไม่ได้มีแค่เพียงตัวร้านเท่านั้น
ทำเลที่ตั้งของเขายิ่งเอื้ออำนวยให้ร้านแห่งนี้มีความไทยเข้าไปอีก เพราะเขาตั้งอยู่ที่ถนนบริพัตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ซึ่งวิวเบื้องหน้าของตัวร้านจะมีเจดีย์ภูเขาทองที่ตั้งตระหง่านให้เราได้มอง และด้านหลังร้านยังติดกับคลองข้างป้อมมหากาฬอีกด้วย ยิ่งทำให้ที่นี่บรรยากาศดี มีความชิล เหมาะแก่การพักผ่อนในวันหยุด
เรื่องโซนที่นั่งของทางร้านเขาจะมีถึง 3 ชั้นด้วยกัน ทั้งโซน Indoor และ Outdoor เล็กน้อยให้คุณได้เลือกตามใจชอบ ทางเราแนะนำเป็นโซน Outdoor เลย ชิลมาก แถมยังถ่ายรูปสวยมากเช่นกัน แต่ถ้าพูดถึงเรื่องมุมถ่ายรูปของทางร้านเขาก็มีให้แบบจุใจ เหมาะสำหรับชาว Hopper ทั้งหลาย
ถึงเวลาโฟกัสกันที่เรื่องเครื่องดื่มของที่นี่กันบ้าง ก่อนอื่นเราขอแนะนำเมนูซิกเนเจอร์ของที่นี่ เพราะเขามีการคุมโทนความเป็นไทยได้ดีมาก และเมนูนั้นมีชื่อว่า ‘สติ’ ‘สมาธิ’ ‘สงบ’ แต่ละเมนูเข้ากันได้ดีกับคอนเซ็ปต์ของทางร้าน ส่วนเรื่องเมล็ดกาแฟที่นี่ก็มีให้เลือกอย่างหลากหลายเช่นกัน เอาเป็นว่าคอกาแฟจะต้องถูกใจสิ่งนี้ แถมราคายังน่ารัก เริ่มต้นที่ 100 บาทขึ้นไป
อีกสิ่งของทางร้านที่เราไม่อยากให้คุณพลาดไป อย่างที่บอกว่าที่นี่มีความเป็นศิลปะเอามาก ๆ เพราะว่าทางร้านเขานำศิลปะเข้ามาประยุกต์จนเกิดเป็น Art Museum เล็ก ๆ ซึ่งโซนนี้จะตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ของร้าน และยังเสริมด้วยไฮไลท์ที่นั่งบริเวณชั้น 3 ที่พร้อมไปด้วยหมอนอิงให้คุณได้นั่งชิลล์ และในอนาคตอาจเปิดเป็นบาร์สุดชิล